แอนดรอยตัวใหม่ล่าสุดจากซัมซุงทีมีจุดขายหลายๆอย่างที่น่าสนใจ หลายวันก่อนที่เว็บก้มีรีวิวแกะกล่อง กันไปแล้ว หลังจากการทดลองใช้งานไปได้พอสมควรก้เลยมาเขียนรีวิวรุ่นนี้ให้ได้อ่านกันอีกครั้งก้แล้วกัน
Galaxy S 3 วางจำหน่ายในบ้านเราไปแล้ว ราคาเปิดตัวก้อยู่ที่ 21900 บาท ดูเหมือนตอนนี้(ขณะรีวิว) จะยังคงมีแค่สีขาวเท่านั้น ส่วนสีน้ำเงินอย่างเร็วสุดก้อาจจะเป็นงานมือถือปลายเดือนหน้า (ส่วนตัวแล้ว ชอบสีขาวมากกว่า)
ก่อนอื่นผมจะมาอัพเดตข้อมูล Spec ของ galaxy S 3 กันอีกครั้งเผื่อเพื่อนๆหลายคนลืมไปแล้วว่ามันก้มี Spec ที่ไม่ธรรมดา ผมเดาว่าหลายๆคนอาจจะจำได้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่ลืมไปแล้วว่ามันก้แรงพอตัว เช่นกัน
Spec Samsung Galaxy S 3
# มาพร้อมแอนดรอยเวอร์ชั่น Android OS, v4.0.4 (Ice Cream Sandwich) # ซีพียูความเร็ว Quad-core 1.4 GHz Cortex-A9 ใช้ชิพ Exynos 4212 Quad , GPU Mali-400MP # ขนาดของตัวเครื่อง 136.6 x 70.6 x 8.6 mm หนัก 133 g # หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED # ขนาดของหน้าจออยู่ที่ 4.8 inches (~306 ppi pixel density) ความละเอียดหน้าจอ 720 x 1280 pixels, # ใช้วัสดป้องกันรอย Corning Gorilla Glass 2 # หน่วยความจำในเครื่อง 16/32/64 GB storage และ 1 GB RAM (บ้านเราวางขายแค่รุ่น 16 GB) # รองรับ microSD ได้สูงสุดถึง 64 GB # กล้องหลังความละเอียด 8 MP, 3264x2448 pixels มาพร้อม autofocus และ LED flash อัพวีดีโอ 1080p@30fps # กล้องหน้าความละเอียด 1.9 MP อัดวีดีโอ 720p@30fps # ใช้ MicroSIM card # มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด Li-Ion 2100 mAh
ตัวกล่องของ Galaxy S 3 จะแยกตามสีของตัวเครื่อง ของผม Galaxy S 3 เป็นสีขาวก้เลยมีกล่องเป็นสีขาว ด้วยเช่นกัน อุปกรณ์ที่ให้มาก้มีคู่มือ สาย USB , แจ้กหูฟัง และที่ชาร์ต
ทำใม Galaxy S 3 ถึงมีสีขาวและสีน้ำเงิน ก้เพราะแนวคิดที่จะทำมือถือให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้น ใกล้เคียง ธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นสีที่ถูกเลือกจึงเป็นสีขาวและสีน้ำเงินนั่นเอง ส่วนสีดำจริงๆแล้วไม่ใช่สีที่มีอยู่จริง ตามธรรมชาติแต่เป็นสีที่มนุษย์สร้างขึ้นดังนั้นก้เลยไม่มีใน Galaxy S 3
Galaxy S 3 มาพร้อมตัวยเครื่องที่ใหญ่กว่า S 2 และเล็กกว่า note โดยรวมแล้วผมว่ากำลังดีสำหรับการใช้ งาน ยิ่งใครที่ชอบมือถือหน้าจอใหญ่ขึ้นมาหน่อยในระดับ 4 นิ้วขึ้นไปก้น่าจะชอบ Galaxy S 3 ด้วยเช่นกัน
Galaxy S 3 : มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว Galaxy S 2 : มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว Galaxy Note : มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว
ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นการใช้งานก้เลยสะดวกมากขึ้น การใช้งานในการพิมพ์ช้อความหรือ แชทบน Social ต่างๆก้เลยแม่นยำมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง
หน้าจอของ Galaxy S 3 มาพร้อมหน้าจอแบบ Super AMOLED ก้ยังคงให้สีสันที่สดและจัดจ้านเช่นเดิม เรื่องหน้าจอแบบนี้คงแล้วแต่คนชอบ โดยรวมมันทำให้ภาพและการแสดง Media ต่างๆสวยงาม แต่หลายๆ คนอาจจะชอบภาพที่สมจริง สีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่าก้ได้ ซึ่งตรงนี้ก้แล้วแต่คนชอบนั่นเอง
ด้วยความที่ตัวเครื่องโค้งมน มีการเก็บรายละเอียดในหลายๆจุด แม้กระทั้งกระจกด้านหน้าก้ยังโค้งเข้ากับ Body ด้านหน้า ซึ่งมันก้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตอนแรกพวกเราเห็นภาพของ Galaxy S 3 และไม่ค่อยถูกใจ มากนัก ซึ่งจริงๆแล้วตัวจริงของ galaxy S 3 ออกแบบมาได้สวยงาม ส่วนความบางก้เพิ่มมากกว่า S 2 แค่ 0.1 MM เท่านั้น
แน่นอนว่ามันดูเป็นพลาสติก ถึงแม้จะเป็นแบบเดียวกับแอนดรอยของอีกค่ายแต่ด้วยการพ่นสีที่ออกมาก้ ทำให้ดูไม่สวยงามและสวยเทียบเท่า แถบด้านข้างตลอดตัวเครื่องถูกตัดด้วยสีเทา และถึงแม้จะเป็นสีขาว แต่ดูแล้วน่าจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสกปรกมากนัก อย่างน้อยด้านหน้าของตัวเครื่องสีขาวก้อยู่ใต้ กระจกแบบเดียวกับของ Iphone
ส่วนด้านหลังในรุ่นสีขาวก้เป็นแบบพ่นเงาน่าจะเหลืองหรือเป็นคราบได้ยากกว่าสีขาวที่เราคุ้นเคยในรุ่น Xperia S ซึ่งจะติดคราบได้ง่ายกว่า
แน่นอนครับวัสดุอาจจะไม่เหมือนรุ่นอื่นในบางแบรนด์หรือต่างโอเอส แต่โดยรวมแล้วคะแนนของ Galaxy S 3 ก้สอบผ่านพอดี แต่ถ้าใครเน้นวัสดุสำคัญเป็นอันดับหนึ่งก้คงจะมีบ่นๆบ้างเหมือนกัน
บน Galaxy S 3 ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ทำให้หน้าจอกว้างได้มากขึ้นแต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่เพิ่มขึ้นตาม หากเราเทียบกับ galaxy Note แล้ว จะเห็นได้ว่าหน้าจอใหญ่เกือบๆจะเท่าๆกันเลยต่ตัวเครื่องยังดูเล็กกว่า
ด้านหลังเมื่อเทียบกับ Galaxy Note จะเห็นได้ว่าใช้วัสดุใกล้เคียงกัน
สำหรับด้านบนของ Galaxy S 3 ก้จะยังคงเห็นโลโก้ของซัมซุงอยู่ตรงกลาง ขวามือจากรูปในภาพก้คือ ส่วนของเซ็นเซ่อร์ต่างๆและสุดท้ายก้คือกล้องหน้าที่มาพร้อมความละเอียด 1.9 ล้านที่สามารถอัดวีดีโอ แบบ HD ได้
บน galaxy S 3 ยังคงมีปุ่ม Home แบบปุ่มมาให้อยู่ ส่วนตัวแล้วชอบการใช้งานปุ่มสำหรับการใช้งานปุ่ม Home มากกว่าการใช้งานสัมผัสลงบนหน้าจอหรือตัดทิ้งไป ส่วนปุ่ม Back และ Option ก้เป็นแบบสัมผัสกับหน้าจอ
ซ้ายมือของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มเพิ่มและลดเสียงเท่านั้น
ด้านขวาก้เป็นตำแหน่งของปุ่ม Power ที่ใช้ในการเปิดและปิดเครื่อง
ด้านล่างจะมีช่องเสียบสาย USB
อีกมุมสำหรับด้านบนจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5mm
ด้านหลังก้จะเป็นตำแหน่งของกล้องหลัง แฟลชและลำโพง สำหรับกล้องหลังของ Galaxy S 3 มีความ ละเอียด 8 ล้านที่มาพร้อมกับ autofocus และ LED flash และสุดท้ายยังใส่ลูกเล่นใหม่ๆลงไปเยอะเหมือนกัน
วิธีแกะฝาหลังจะมีช่องให้สอดลงไปอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ความเหนียวของวัสดุจึงทำให้ทนทานไม่ แตกหักง่ายๆ เปิดออกมาจะเจอแบตเตอรี่ขนาด 2100 mAh ซึ่งให้เพิ่มมาเยอะมาก
สำหรับ Galaxy S 3 พวกเราต้องใส่ซิมแบบ Micro Sim เท่านั้นนะครับ ส่วนข้างๆในภาพก้คือช่องใส่ Micro SD ซึ่งรองรับความจุถึง 64 GB
สรุปแล้วสำหรับตัวเครื่องถ้าชอบมือถือที่หน้าจอใหญ่ๆน่าจะชอบ Galaxy S 3 หน้าจอที่สดและความแรง ความลื่นจากซีพียูแบบ Quard Core ก้ทำให้การใช้งานได้ดีมากขึ้น ผมว่าขนาดมันก้พอดีกับมือผมนะ
_______________________________________________________________________________
นอกจากจุดขายเรื่อง Spec แล้ว Galaxy S 3 ยังเพิ่มฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆลงไปไม่น้อยเช่นกัน จากภาพ แรกซ้ายมือซึ่งเป็นหน้าจอของล้อคสกรีน การปลดล้อกได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการปาดน้ำเพื่อปลดล้อก และยังมีไอค่อนลัดของแอพต่างๆเพื่อให้เราเรียกใช้งานโปรแกรมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
เวอร์ชั่นที่ผมทดสอบเล่นอาจจะยังมีอะไรเพิ่มเติมมากขึ้นก้ได้ แต่ตอนนี้เท่าที่สังเกตุได้ก้คือ เราจะได้แอพ Dropbox (สามารถใช้งานได 50 GB storage) , แอพ S Memo , S Planner , S Suggest , S Voice , More Sefvice เพิ่มเข้ามา
S-memo และ S-Planner
S-memo และ S-Planner เป็นแอพที่น่าสนใจและทั้งสองแอพนี้ก้อยู่ใน Galaxy Note ด้วยเช่นกัน S-Memo จะช่วยใหเราสามารถเขียนหรือวาดภาพลงไปบน Galaxy S 3 โดยทางซัมซุงได้ออกอุปกรณ์เสริมที่ชื่อว่า C-Pne มาใช้งานนั่นเอง
C pen ของ Galaxy S 3 ออกแบบมาให้ทำงานได้เฉพาะบน Galaxy S 3 เท่านั้น และไม่สามารถนำไปใช้บน Iphone หรือ Note ได้
ถึงแม้จะมีแนวคิดคล้ายๆกับ S-Pen ของ Note ก้ตามแต่มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน C Pen ใช้แค่วาดไม่ ได้มีปุ่มเพื่อทำงานอย่างอื่นนอก จากนั้นและที่สำคัญ S Pen ของ Note ก้นำมาใช้งานบน Galaxy S 3 ไม่ได้นะครับ เท่าที่ทดลองจับและใช้ งานผมว่า C Pen สวยและใช้งานได้ถนัดมือมากๆ
Camera , Social Tag
Galaxy S 3 มาพร้อมกล้องความละเอียด 8 ล้านที่มาพร้อม autofocus และ LED flash นอกจากนั้นยังเพิ่ม ลูกเล่นแบบ Zero Shutter Lag ที่เคยมีบน Galaxy Nexus มาให้ด้วย นี่ยังไม่รวมถึง ความสามารถใหม่ๆแบบ Burst Shot และ Best Shot รวมไปถึง Social Tag ที่ทำให้ดูคุ้มค่าและสะดวกในการใช้งานมากขึ้นไปอีก
การปรับตั้งค่าบน Galaxy S 3 ใส่ความสามารถหลักๆมาให้ครบ เราสามารถใช้งานผ่านไอค่อนฟังกชั่นต่างๆ ได้จาก Tab ด้านบน
สำหรับคนที่ชอบใช้งานฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถย้ายไอค่อนเหล่านี้ได้เองอิสระนะครับ แค่กด แช่เอาไว้ เราก้สามารถเลื่อนอันที่เราต้องการเข้ามาแทนที่ได้ทันที
Burst Shot คืออีกจุดขายที่น่าสนใจ คำสั่งนี้จะทำให้เราถ่ายภาพได้ต่อเนื่องได้ถึง 20 ภาพ แต่จะถ่ายทำใม มาตั้ง 20 ภาพแล้วจะต้องมาเลือกเอง บน Galaxy S 3 ยังมีความสามารถที่ชื่อ Best Shot ที่เลือกภาพที่ดี สุดให้เราได้ด้วยเช่นกัน โดยการเลือกภาพที่ดีที่สุดโปรแกรมจะดูจาก การยิ้ม (smile), กระพริบตา (blink), การสั่น (Shake) และ เบลอ (Blur)
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Galaxy S 3
________________________________________________________________________________
Social Tag
Social Tag เป็นอีกลูกเล่นใหม่บน Galaxy S 3 หากเราได้ทำการ Tag หน้าเพื่อนเข้ากับรายชื่อในคอนแทค แล้ว หลังจากนั้นหากเราถ่ายภาพเพื่อนคนเดิมอีกระบบสามารถจดจำใบหน้าของเพื่อนเราได้ และที่สำคัญ เราสามารถส่งภาพไปให้กับเพื่อนๆได้ทันที
โดยรวมแล้วลูกเล่นนี้น่าสนใจดี เหมาะกับยุค Social หรีอสาวๆที่ชอบถ่ายภาพแล้วก้ส่งให้กัน
แต่ระบบจดจำใบหน้าคงจะต้องเป็นหน้าตรงสักนิดเพื่อให้ระบบทำงานได้แม่นยำ ก่อน Tag ใบหน้าเข้ากับ รายชื่อเราสามารถเลือกขนาดของสิ่งที่ต้องการให้ระบบจดจำได้เช่นเดียวกัน
สำหรับ galaxy S 3 เราสามารถตั้งการสั่นของแต่ละสายที่โทรเข้ามาเป็นจังหวะที่แตกต่างกันได้ด้วย แน่นอนหากตั้งเป็นเสียงเพลงที่แตกต่างกันมันปกติจะตายไป
การใช้งานให้เข้าไปยังเมนู Contact เลือกรายชื่อของเพื่อนหรือสาวๆหรือของคนสำคัญที่เราต้องการ จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างยังช่องคำสั่งที่มีชื่อว่า Vibration pattern
ตอนนี้เราก้สามารถเลือการสั่นเป็นจังหวะต่างๆที่แตกต่างกันออกไปได้แล้ว แนนอนถึงแม้ไม่หยิบขึ้นมา ดูเราก้รู้ว่าใครโทรมา
สำหรับจังหวะที่น่าสนใจที่มีให้เลือกตอนนี้ก้คือ Heartbeat ที่สั่นเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจ น่าจะเหมาะ ตั้งเอาไว้กับเบอร์คนพิเศษนะครับหรือจะเป็น Jinglebell เป็นจังหวะสนุกสนานที่เอาไว้บอกว่าเพื่อนก้วนสนิท โทรเข้ามาก้ได้เช่นกัน
Smart Alert และ Direct Call เป็นจุดขายอีกอย่างนึงบน GalaxyS 3 หลักการทำงานของมันไม่มีอะไรมาก ทีมงานเกาหลีบอกเราว่ามันคือการทำงานพื้นฐานที่ดี บางครั้งโทรศัพท์ก้ควรรู้ว่ามันสมควรบอกอะไรเรา...
ผมจะลองอธิบายการทำงานพื้นฐานที่ทดสอบการใช้งานโดยจะเริ่มจาก Smart Alert กันก่อน
Smart Alert : ถ้าเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายก้คือมันมีความฉลาดที่จะเตือนในสิ่งที่เราสมควรจะได้รู้ การใช้งาน เราต้องไปเปิดการใช้งานใน Option ก่อนและเลิกเปิดการทำงานในโหมด Motion
การเตือนนี้จะหมายถึงแค่ในส่วนที่เกียวกับโทรศัพท์เท่านั้น สายไม่ได้รับ , SMS , MMS
ผมทดสอบด้วยการส่ง Sms รวมถึงการโทรเพื่อให้เกิด Misscall หลังจากเรากลับมาสัมผัสเครื่อง มันจะมี สั่นบอกเราเล็กๆเพื่อเตือนให้รู้ว่ามีข้อความหรือเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย
ถึงแม้ว่ามันสั่นเตือนและเรากดเข้าไปใช้งานโทรศัพท์แล้ว และบังเอิญลืมที่จะกดดู(ข้อความหรือ Miss Call) หลังจากเรามาหยิบโทรศัพท์อีกครั้งมันก้จะยังคงเตือนเราอยู่นะครับ แล้วมันมีไม่เตือนมั้ย นั่นสิ .. ผมจะสรุปเป็นข้อๆก้แล้วกันนะครับ
1.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert) หากเราเปิดเข้าไปอ่านก้จะไม่เตือนอีก 2.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert) หากเราแค่หยิบแล้ววางลงโดยไม่ได้เปิดหน้าจอ เครื่องเลย ครั้งต่อไปถึงแม้ไปจับอีกก้จะไม่เตือนแล้วเหมือนเรารับรู้แล้วแต่ตัดสินใจยกเลิกการสนใจ 3.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert) หากเราเปิดล้อคหน้าจอเข้าไปใช้งานโทรศัพท์ แต่ยังไม่ได้เปิดหรือลืมเปิดนัดหมายหรือการแจ้งเตือนที่ไม่ได้รับ หลังจากวางเครื่องทิ้งเอาไว้ และเรามา จับมันใหม่ มันก้จะทำการเตือนอีกครั้ง(จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ) อาจจะคิดว่าเราลืมเพราะเปิดเข้าไปดูแล้ว แต่ลืมเช็คข้อความหรือสายที่ไม่ได้รับ
Direct Call ก้ทำงานได้ดีเช่นกันแค่เราต้องการโทรออกเพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูมันก้จะโทรออกให้ ทันที ฟังกชั่นนี้ทำงานได้ในส่วนของ SMS , MMS และ Call เวลาเราต้องการโทรกลับนั่นเอง เรียกได้ว่า ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้ดี
เราสามารถเข้ามาเลือกการใช้งาน Motion ต่างๆได้ในเมน Setting ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดการใช้ งานแบบไหน การทำงานตรงนี้จะถูกปิดการใช้งานนะครับ ดังนั้นเวลาซื้อเครื่องมาใหม่ๆต้องมาเปิดก่อน
Smart Stay : ระบบตรวจสอบการใช้งานถึงแม้เราจะตั้งเวลาปิดหน้าจอเอาไว้ที่ 10 วิ แต่ถ้า Galaxy S 3 ยังจับได้ว่าเรามีการใช้งานอยู่มันก้จะปล่อยให้เราใช้งานต่อไปเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่มีการเช็คการใช้งานจะมี ไอค่อนรูปดวงตาขึ้นมา แน่นอนถ้าจับได้ว่าเราไม่ได้สนใจหรือเลิกใช้งานมันก้จะปิดหน้าจอตัวเองทันที
การใช้งานตรงนี้คงจะเหมาะกับการอ่าน PDF หรือ Ebook เพราะเราจะไม่ต้องมากดเช็คหน้าจออยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งมาปรับการตั้งค่าพักหน้าจอให้นานมากขึ้น เป็นการเพิ่มเติมลูกเล่นเล็กๆแต่ก้น่าสนใจ
ปล.อาจจะเป็นเพราะ FW. ยังไม่ใช่ตัวเต็ม ดูเหมือนในที่ๆแสงน้อยบางครั้งก้มีการทำงานทีผิดพลาดไปบ้าง
ผลการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่อง
Galaxy S 3 รองรับมัลติทัชที่ 10 จุด การเทสผลทดสอบความแรงต้องบอกว่าได้คะแนนดีมาก (บางเว็บทดสอบได้ 5xxx) การใช้งานซีพียูที่เป็น Quard Core ทำให้การเล่นเกมไม่มีปัญหา ถึงแม้เราจะดู หนัง ไปพร้อมๆกับการ Chat กับเพื่อนๆด้วยความสามารถ Popup Play ก้ทำได้ดีเช่นกัน
สรุปการใช้งาน
เรื่องความแรงคงไม่ต้องพูดถึง และเมื่อบวกกับความสามารถใหม่ๆที่ใส่ลงไปแล้ว ทำให้ Galaxy S 3 น่าสนใจมากๆ ตัวเครื่องยังคงใช้วัสดุที่เป็นพลาสติกเช่นเดิมแต่ความสวยงามของตัวเครื่องก้ช่วยให้มัน ดูดีมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ทุกอย่าง
สำหรับการออกแบบตัวเครื่องอาจจะแล้วแต่คนชอบ ซึ่งในเรื่องวัสดุก้เช่นกัน แต่ถ้ากำลังสนใจมือถือใน ยุคที่เป็นของ Quard Core ผมมองว่า Galaxy S 3 ก้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งาน ได้ดีแน่นอน
เครดิต: http://www.thaiandroidphone.com
|
|