12/7/55

เจ๋งสุดๆ เคสไอโฟนพร้อมคีย์บอร์ดพับได้

เช้านี้ขอเริ่มต้นรายงานข่าวด้วยแก็ดเจ็ต (Gadget) เอาใจสาวก"ไอโฟน" (iPhone) ที่จะยังไง๊ยังไงก็ไม่ชอบคีย์บอร์ดบนหน้าจอสัมผัส (on-screen keyboard) อยู่ดี เนื่องจากการกดปุ่มบนหน้าจอสัมผัสนอกจากจะไม่รู้สึกถึงการโต้ตอบแบบปุ่มจริงแล้ว มันยังมีโอกาสพิมพ์ผิดได้ง่ายอีกด้วย และประเด็นสุดท้ายก็คือ การจัดเรียงปุ่มพิมพ์ที่ไม่คุ้นเคย ปัญหาเหล่านี้จะหมดไป หากคุณได้รู้จักกับ Spike Case เคสพร้อมคีย์บอร์ด QWERTY ที่มาพร้อมกับปุ่มกดจริงๆ ว้าว!!!




Spike Case เป็นเคสไอโฟนรุ่นล่าสุดที่เปิดโปรเจ็กต์รอรับเงินทุนสนับสนุนจากผู้สนใจอยู่บนเว็บไซต์Kickstarter ซึ่งหากพิจารณาดีไซน์พื้นฐานของเคส มันแทบจะไม่ต่างจากรูปแบบที่เราพบเห็นกันโดยทั่วไป แต่จริงๆ แล้วมันได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานร่วมกับคีย์บอร์ด QWERTY (คล้ายๆ BlackBerry) ไว้ 2 ดีไซน์ด้วยกัน โดยเคสแบบแรก Spike 1 จะดีไซน์เคสทีสามารถแยกออกจากกันเป็นสองชิ้นบนล่างได้ โดยชิ้นส่วนที่อยู่ด้านล่างจะมีคีย์บอร์ดอยู่ด้วย ซึ่งเวลาที่ต้องการพิมพ์ข้อความ ก็ให้ถอดเคสด้านล่างออกมา แล้วพลิกคว่ำสวมกลับเข้าไปที่ด้านหน้าของไอโฟน คีย์บอร์ด QWERTY ของ Spike 1 จะประกบลงตรงตำแหน่งของคีย์บอร์ดบนหน้าจอสัมผัสของไอโฟนพอดิบพอดี ซึ่งทำให้การกดปุ่มบนคีย์บอร์ด (เคสด้านล่างที่พลิกกลับขึ้นมาประกบด้านหน้าของไอโฟน) แต่ละปุ่มจะสัมผัสกับปุ่มบนหน้าจอที่ตรงกันนั่นเอง และเนื่องจากด้านข้างของคีย์บอร์ดจะยึดด้วยบานพับ ผู้ใช้สามารถเปิดคีย์บอร์ดขึ้นมา เพื่อสัมผัสหน้าจอด้านล่างของไอโฟนได้โดยตรง และเมื่อไม่ต้องการใช้งานคีย์บอร์ดแล้ว ก็สามารถเลื่อนถอดเคสด้านล่างออกมา แล้วพลิกกลับไปเป็นด้านหลังของเคสได้ตามเดิม


อีกดีไซน์หนึ่งของ Spike Case เคสไอโฟนพ่วงคีย์บอร์ด QWERTY จะมีชื่อว่า Spike 2 สำหรับเคสรุ่นนี้จะหนากว่าเล็กน้อย และมีวิธีติดตั้งคีย์บอร์ดเพื่อใช้งานที่แตกต่างออกไป โดยแทนที่จะใช้การถอดเคสส่วนที่เป็นคีย์บอร์ด แล้วพลิกกลับขึ้นมาประกบด้านหน้า Spike 2 จะออกแบบให้บานพับชุดคีย์บอร์ดสามารถพับเก็บคีย์บอร์ดไปประกบด้านหลังของเคสได้เลย (ตลับพับกลับได้ 360 องศา)  ทั้งสองดีไซน์ของ Spike Case ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ไอโฟนที่ต้องการคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับปุ่มจริงๆ ได้เป็นอย่างดี แตกต่างตรงความสะดวกเท่านั้น สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจอยากได้ สามารถเข้าไปร่วมสนับสนุนได้ที่ KickStarter โดยหากต้องการเป็นเจ้าของ Spike 1 หรือ Spike 2 ก็ต้องอัดฉีดเม็ดเงินให้อย่างน้อย 49 เหรียญฯ หรือประมาณ 1,500 บาทขึ้นไปครับ
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...