เก็บตกของเล่นแบทแมนแสนสะท้าน

ครที่ได้ติดตามภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่างแบทแมน ที่เดินทางมาถึงภาพล่าสุด The Dark Knight Rises แล้ว ก็เชื่อได้ว่าสิ่งหนึ่งที่เป็นไฮไลต์นอกจากบทบาทอันแข็งแกร่งและดุดันของพระเอกที่เล่นบทบู๊ได้พระเอ๊ก พระเอกแล้ว หลายคนก็จับตาดูว่าจะมีอาวุธไฮเทคอะไรใหม่ๆ มาให้ได้ตื่นตาตื่นใจกันบ้าง

จนอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งที่คู่กับพระเอกตลอดกาลคนนี้ไปเสียแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ เรือหรือยานพาหนะอื่นๆ ที่ดูเท่สุดๆ ก็ยังมีอุปกรณ์ที่เป็นของเล่น ซึ่งเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่น่าสนใจหลายอีกหลายชิ้นที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับในภาคล่าสุดนี้ด้วย

Magnetic Grapple Gun : อันดับแรกเป็นปืนแม่เหล็ก สังเกตได้ว่าเราจะเห็นอุปกรณ์ชิ้นนี้กันในแบทแมนหลายๆ ภาคที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นตัวช่วยในการข้ามจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง เรียกได้ว่าลดข้อจำกัดในการเดินทางไปได้เยอะทีเดียว ถ้าไม่มีเราก็อาจ จะต้องเห็นแบทแมนเดินเข้าตึก แล้วกดลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นต่างๆ ภายในตึกก็เป็นได้

Bombs Away and Sticky-Bomb Gun : ปืนยิงระเบิดแบบ Sticky-Bomb ตลอดเวลาที่ผ่านจะสังเกตได้ว่าแบทแมนแทบจะไม่ใช้อาวุธที่เป็นปืนหรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้เกิดประกายไฟในการทำลายล้างมากนัก แต่อาวุธชิ้นนี้เป็นเพียงสิ่งเดียวที่แบทแมนเลือกใช้ แต่ไม่ได้เป็นอาวุธสำหรับต่อสู้เป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่จะใช้ในการเบิกทาง เพื่อบุกเข้าไปภายในมากกว่า ถือว่าเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ประจำตัวของแบทแมนก็ว่าได้

Sonar Vision : กล้องโซนาร์ เป็นเทคโนโลยีที่เคยใช้ในภาค The Dark Knight มาก่อน ซึ่งบลูซ เวนน์ใช้ในการค้นหาคลื่นเสียงของโจ๊กเกอร์นั่นเอง แต่ว่าภาคนี้ได้ถูกพัฒนามาใช้อย่างจริงจังและถูกย่อให้กลายเป็นอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กที่ช่วยในการค้นหาเป้าหมายได้สะดวกขึ้นและมีความแม่นยำ

Memory Fiber Cape : สิ่งนี้น่าจะเป็นอุปกรณ์ที่หลายๆ คนชื่นชอบและทำให้แบทแมนดูเป็นพระเอกสุดเท่ ซึ่งเดินทางไปมาได้อย่างอิสระเหนือมนุษย์ เพราะว่าเป็นเครื่องร่อนที่สามารถพกติดตัวและนำมาใช้ได้ในทุกที่ พร้อมที่จะกางเป็นเครื่องร่อนได้ตาม ต้องการแบบไม่เกะกะเป็นปัญหาระหว่างการต่อสู้หรือเคลื่อนไหวนั่นเอง

ถ้าใครติดตามแบทแมนในหลายๆ ภาคที่ผ่านมา จะทราบได้ดีว่าอุปกรณ์ต่างๆ ได้มีการพัฒนาให้ดูตื่นตาตื่นใจกันโดยตลอด อุปกรณ์บางชิ้นก็ดูเหมือนจะได้รับการพัฒนาให้สามารถนำมาใช้ในโลกความเป็นจริงได้อีกด้วยและของบางสิ่ง เช่น ยานพาหนะ ก็ไม่ได้เป็นแค่โมเดลอีกต่อไป อย่างเช่น The Tumbler ก็มีการผลิตขึ้นด้วย แม้จะไม่ได้มีฟีเจอร์ครบครันอย่างในภาพยนตร์ แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง สนนราคาประมาณ 18 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้นเอง