25/6/55

รีวิว : Galaxy S 3 แอนดรอยสุดแรงจากซัมซุง


DSC_0496.jpg 

แอนดรอยตัวใหม่ล่าสุดจากซัมซุงทีมีจุดขายหลายๆอย่างที่น่าสนใจ หลายวันก่อนที่เว็บก้มีรีวิวแกะกล่อง
กันไปแล้ว หลังจากการทดลองใช้งานไปได้พอสมควรก้เลยมาเขียนรีวิวรุ่นนี้ให้ได้อ่านกันอีกครั้งก้แล้วกัน

DSC_0460.jpg 

Galaxy S 3 วางจำหน่ายในบ้านเราไปแล้ว ราคาเปิดตัวก้อยู่ที่ 21900 บาท ดูเหมือนตอนนี้(ขณะรีวิว)
จะยังคงมีแค่สีขาวเท่านั้น ส่วนสีน้ำเงินอย่างเร็วสุดก้อาจจะเป็นงานมือถือปลายเดือนหน้า (ส่วนตัวแล้ว
ชอบสีขาวมากกว่า)

DSC_0474.jpg 

ก่อนอื่นผมจะมาอัพเดตข้อมูล Spec ของ galaxy S 3 กันอีกครั้งเผื่อเพื่อนๆหลายคนลืมไปแล้วว่ามันก้มี
Spec ที่ไม่ธรรมดา ผมเดาว่าหลายๆคนอาจจะจำได้ว่ามันทำอะไรได้บ้าง แต่ลืมไปแล้วว่ามันก้แรงพอตัว
เช่นกัน

Spec Samsung Galaxy S 3

# มาพร้อมแอนดรอยเวอร์ชั่น Android OS, v4.0.4 (Ice Cream Sandwich)
# ซีพียูความเร็ว Quad-core 1.4 GHz Cortex-A9 ใช้ชิพ Exynos 4212 Quad , GPU Mali-400MP
# ขนาดของตัวเครื่อง 136.6 x 70.6 x 8.6 mm หนัก 133 g
# หน้าจอเป็นแบบ Super AMOLED 
# ขนาดของหน้าจออยู่ที่ 4.8 inches (~306 ppi pixel density) ความละเอียดหน้าจอ 720 x 1280 pixels, 
# ใช้วัสดป้องกันรอย Corning Gorilla Glass 2
# หน่วยความจำในเครื่อง 16/32/64 GB storage และ 1 GB RAM (บ้านเราวางขายแค่รุ่น 16 GB)
# รองรับ microSD ได้สูงสุดถึง 64 GB
# กล้องหลังความละเอียด 8 MP, 3264x2448 pixels มาพร้อม autofocus และ LED flash อัพวีดีโอ 1080p@30fps
# กล้องหน้าความละเอียด 1.9 MP อัดวีดีโอ 720p@30fps
# ใช้ MicroSIM card 
# มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด Li-Ion 2100 mAh

DSC_0464.jpg 

ตัวกล่องของ Galaxy S 3 จะแยกตามสีของตัวเครื่อง ของผม Galaxy S 3 เป็นสีขาวก้เลยมีกล่องเป็นสีขาว
ด้วยเช่นกัน อุปกรณ์ที่ให้มาก้มีคู่มือ สาย USB , แจ้กหูฟัง และที่ชาร์ต 

ทำใม Galaxy S 3 ถึงมีสีขาวและสีน้ำเงิน ก้เพราะแนวคิดที่จะทำมือถือให้เข้าใจมนุษย์มากขึ้น ใกล้เคียง
ธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้นสีที่ถูกเลือกจึงเป็นสีขาวและสีน้ำเงินนั่นเอง ส่วนสีดำจริงๆแล้วไม่ใช่สีที่มีอยู่จริง
ตามธรรมชาติแต่เป็นสีที่มนุษย์สร้างขึ้นดังนั้นก้เลยไม่มีใน Galaxy S 3

DSC_0517.jpg 

Galaxy S 3 มาพร้อมตัวยเครื่องที่ใหญ่กว่า S 2 และเล็กกว่า note โดยรวมแล้วผมว่ากำลังดีสำหรับการใช้
งาน ยิ่งใครที่ชอบมือถือหน้าจอใหญ่ขึ้นมาหน่อยในระดับ 4 นิ้วขึ้นไปก้น่าจะชอบ Galaxy S 3 ด้วยเช่นกัน 

Galaxy S 3 : มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.8 นิ้ว
Galaxy S 2 : มาพร้อมหน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว
Galaxy Note : มาพร้อมหน้าจอขนาด 5.3 นิ้ว 

ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ขึ้นการใช้งานก้เลยสะดวกมากขึ้น การใช้งานในการพิมพ์ช้อความหรือ
แชทบน Social ต่างๆก้เลยแม่นยำมากขึ้นไปด้วยนั่นเอง 

หน้าจอของ Galaxy S 3 มาพร้อมหน้าจอแบบ Super AMOLED ก้ยังคงให้สีสันที่สดและจัดจ้านเช่นเดิม
เรื่องหน้าจอแบบนี้คงแล้วแต่คนชอบ โดยรวมมันทำให้ภาพและการแสดง Media ต่างๆสวยงาม แต่หลายๆ
คนอาจจะชอบภาพที่สมจริง สีสันที่เป็นธรรมชาติมากกว่าก้ได้ ซึ่งตรงนี้ก้แล้วแต่คนชอบนั่นเอง

DSC_0518.jpg 

ด้วยความที่ตัวเครื่องโค้งมน มีการเก็บรายละเอียดในหลายๆจุด แม้กระทั้งกระจกด้านหน้าก้ยังโค้งเข้ากับ
 Body ด้านหน้า ซึ่งมันก้เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ตอนแรกพวกเราเห็นภาพของ Galaxy S 3 และไม่ค่อยถูกใจ
มากนัก ซึ่งจริงๆแล้วตัวจริงของ galaxy S 3 ออกแบบมาได้สวยงาม ส่วนความบางก้เพิ่มมากกว่า S 2 แค่
0.1 MM เท่านั้น

แน่นอนว่ามันดูเป็นพลาสติก ถึงแม้จะเป็นแบบเดียวกับแอนดรอยของอีกค่ายแต่ด้วยการพ่นสีที่ออกมาก้
ทำให้ดูไม่สวยงามและสวยเทียบเท่า แถบด้านข้างตลอดตัวเครื่องถูกตัดด้วยสีเทา และถึงแม้จะเป็นสีขาว
 แต่ดูแล้วน่าจะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความสกปรกมากนัก อย่างน้อยด้านหน้าของตัวเครื่องสีขาวก้อยู่ใต้
กระจกแบบเดียวกับของ Iphone 

ส่วนด้านหลังในรุ่นสีขาวก้เป็นแบบพ่นเงาน่าจะเหลืองหรือเป็นคราบได้ยากกว่าสีขาวที่เราคุ้นเคยในรุ่น
 Xperia S ซึ่งจะติดคราบได้ง่ายกว่า

แน่นอนครับวัสดุอาจจะไม่เหมือนรุ่นอื่นในบางแบรนด์หรือต่างโอเอส แต่โดยรวมแล้วคะแนนของ
Galaxy S 3 ก้สอบผ่านพอดี แต่ถ้าใครเน้นวัสดุสำคัญเป็นอันดับหนึ่งก้คงจะมีบ่นๆบ้างเหมือนกัน

DSC_0469.jpg 

บน Galaxy S 3 ใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ทำให้หน้าจอกว้างได้มากขึ้นแต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่เพิ่มขึ้นตาม
หากเราเทียบกับ galaxy Note แล้ว จะเห็นได้ว่าหน้าจอใหญ่เกือบๆจะเท่าๆกันเลยต่ตัวเครื่องยังดูเล็กกว่า

DSC_0487.jpg 

ด้านหลังเมื่อเทียบกับ Galaxy Note จะเห็นได้ว่าใช้วัสดุใกล้เคียงกัน 

DSC_0519.jpg 

สำหรับด้านบนของ Galaxy S 3 ก้จะยังคงเห็นโลโก้ของซัมซุงอยู่ตรงกลาง ขวามือจากรูปในภาพก้คือ
ส่วนของเซ็นเซ่อร์ต่างๆและสุดท้ายก้คือกล้องหน้าที่มาพร้อมความละเอียด 1.9 ล้านที่สามารถอัดวีดีโอ
แบบ HD ได้

DSC_0523.jpg 

บน galaxy S 3 ยังคงมีปุ่ม Home แบบปุ่มมาให้อยู่ ส่วนตัวแล้วชอบการใช้งานปุ่มสำหรับการใช้งานปุ่ม
Home มากกว่าการใช้งานสัมผัสลงบนหน้าจอหรือตัดทิ้งไป ส่วนปุ่ม Back และ Option ก้เป็นแบบสัมผัสกับหน้าจอ

DSC_0479.jpg 

ซ้ายมือของตัวเครื่องจะมีเพียงปุ่มเพิ่มและลดเสียงเท่านั้น

DSC_0480.jpg 

ด้านขวาก้เป็นตำแหน่งของปุ่ม Power ที่ใช้ในการเปิดและปิดเครื่อง

DSC_0481.jpg 

ด้านล่างจะมีช่องเสียบสาย USB

DSC_0482.jpg 

อีกมุมสำหรับด้านบนจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5mm

DSC_0467.jpg 

ด้านหลังก้จะเป็นตำแหน่งของกล้องหลัง แฟลชและลำโพง สำหรับกล้องหลังของ Galaxy S 3 มีความ
ละเอียด 8 ล้านที่มาพร้อมกับ autofocus และ LED flash และสุดท้ายยังใส่ลูกเล่นใหม่ๆลงไปเยอะเหมือนกัน

DSC_0472.jpg 

วิธีแกะฝาหลังจะมีช่องให้สอดลงไปอยู่ด้านบนของตัวเครื่อง ความเหนียวของวัสดุจึงทำให้ทนทานไม่
แตกหักง่ายๆ เปิดออกมาจะเจอแบตเตอรี่ขนาด 2100 mAh ซึ่งให้เพิ่มมาเยอะมาก 

DSC_0473.jpg 

สำหรับ Galaxy S 3 พวกเราต้องใส่ซิมแบบ Micro Sim เท่านั้นนะครับ ส่วนข้างๆในภาพก้คือช่องใส่
Micro SD ซึ่งรองรับความจุถึง 64 GB

DSC_0521.jpg 

สรุปแล้วสำหรับตัวเครื่องถ้าชอบมือถือที่หน้าจอใหญ่ๆน่าจะชอบ Galaxy S 3 หน้าจอที่สดและความแรง
ความลื่นจากซีพียูแบบ Quard Core ก้ทำให้การใช้งานได้ดีมากขึ้น ผมว่าขนาดมันก้พอดีกับมือผมนะ

_______________________________________________________________________________

Screenshot_2012-05-20-12-09-27-horz.jpg 

นอกจากจุดขายเรื่อง Spec แล้ว Galaxy S 3 ยังเพิ่มฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆลงไปไม่น้อยเช่นกัน จากภาพ
แรกซ้ายมือซึ่งเป็นหน้าจอของล้อคสกรีน การปลดล้อกได้เปลี่ยนรูปแบบมาเป็นการปาดน้ำเพื่อปลดล้อก
และยังมีไอค่อนลัดของแอพต่างๆเพื่อให้เราเรียกใช้งานโปรแกรมได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 


Screenshot_2012-05-20-12-09-48-horz.jpg 

เวอร์ชั่นที่ผมทดสอบเล่นอาจจะยังมีอะไรเพิ่มเติมมากขึ้นก้ได้ แต่ตอนนี้เท่าที่สังเกตุได้ก้คือ เราจะได้แอพ
 Dropbox (สามารถใช้งานได 50 GB storage) , แอพ S Memo , S Planner , S Suggest , S Voice ,
More Sefvice เพิ่มเข้ามา


Screenshot_2012-05-16-09-21-21-horz.jpg 

S-memo และ S-Planner

S-memo และ S-Planner เป็นแอพที่น่าสนใจและทั้งสองแอพนี้ก้อยู่ใน Galaxy Note ด้วยเช่นกัน S-Memo
จะช่วยใหเราสามารถเขียนหรือวาดภาพลงไปบน Galaxy S 3 โดยทางซัมซุงได้ออกอุปกรณ์เสริมที่ชื่อว่า
C-Pne มาใช้งานนั่นเอง


DSC_0429.jpg 

C pen ของ Galaxy S 3 ออกแบบมาให้ทำงานได้เฉพาะบน Galaxy S 3 เท่านั้น และไม่สามารถนำไปใช้บน
 Iphone หรือ Note ได้

ถึงแม้จะมีแนวคิดคล้ายๆกับ S-Pen ของ Note ก้ตามแต่มีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน C Pen ใช้แค่วาดไม่
ได้มีปุ่มเพื่อทำงานอย่างอื่นนอก
จากนั้นและที่สำคัญ S Pen ของ Note ก้นำมาใช้งานบน Galaxy S 3 ไม่ได้นะครับ เท่าที่ทดลองจับและใช้
งานผมว่า C Pen สวยและใช้งานได้ถนัดมือมากๆ 

Camera , Social Tag

DSC_0526.jpg 

Galaxy S 3 มาพร้อมกล้องความละเอียด 8 ล้านที่มาพร้อม autofocus และ LED flash นอกจากนั้นยังเพิ่ม
ลูกเล่นแบบ Zero Shutter Lag ที่เคยมีบน Galaxy Nexus มาให้ด้วย นี่ยังไม่รวมถึง ความสามารถใหม่ๆแบบ
 Burst Shot และ Best Shot รวมไปถึง Social Tag ที่ทำให้ดูคุ้มค่าและสะดวกในการใช้งานมากขึ้นไปอีก 

DSC_0527.jpg 

การปรับตั้งค่าบน Galaxy S 3 ใส่ความสามารถหลักๆมาให้ครบ เราสามารถใช้งานผ่านไอค่อนฟังกชั่นต่างๆ
ได้จาก Tab ด้านบน

DSC_0528.jpg 

สำหรับคนที่ชอบใช้งานฟังก์ชั่นที่ไม่เหมือนกัน เราสามารถย้ายไอค่อนเหล่านี้ได้เองอิสระนะครับ แค่กด
แช่เอาไว้ เราก้สามารถเลื่อนอันที่เราต้องการเข้ามาแทนที่ได้ทันที

DSC_0529.jpg 

Burst Shot คืออีกจุดขายที่น่าสนใจ คำสั่งนี้จะทำให้เราถ่ายภาพได้ต่อเนื่องได้ถึง 20 ภาพ แต่จะถ่ายทำใม
มาตั้ง 20 ภาพแล้วจะต้องมาเลือกเอง บน Galaxy S 3 ยังมีความสามารถที่ชื่อ Best Shot ที่เลือกภาพที่ดี
สุดให้เราได้ด้วยเช่นกัน โดยการเลือกภาพที่ดีที่สุดโปรแกรมจะดูจาก
การยิ้ม (smile), กระพริบตา (blink), การสั่น (Shake) และ เบลอ (Blur)

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Galaxy S 3


20120514_195542.jpg20120514_194854.jpg20120514_145653.jpg20120514_194534.jpg20120514_185924.jpg20120514_182706.jpg20120514_182438.jpg20120514_182228.jpg20120514_142443.jpg20120514_121823.jpg

________________________________________________________________________________

Social Tag

Screenshot_2012-05-20-13-37-50-horz.jpg 

Social Tag เป็นอีกลูกเล่นใหม่บน Galaxy S 3 หากเราได้ทำการ Tag หน้าเพื่อนเข้ากับรายชื่อในคอนแทค
แล้ว หลังจากนั้นหากเราถ่ายภาพเพื่อนคนเดิมอีกระบบสามารถจดจำใบหน้าของเพื่อนเราได้ และที่สำคัญ
เราสามารถส่งภาพไปให้กับเพื่อนๆได้ทันที


โดยรวมแล้วลูกเล่นนี้น่าสนใจดี เหมาะกับยุค Social หรีอสาวๆที่ชอบถ่ายภาพแล้วก้ส่งให้กัน 


Screenshot_2012-05-20-13-56-36-horz.jpg 

แต่ระบบจดจำใบหน้าคงจะต้องเป็นหน้าตรงสักนิดเพื่อให้ระบบทำงานได้แม่นยำ ก่อน Tag ใบหน้าเข้ากับ
รายชื่อเราสามารถเลือกขนาดของสิ่งที่ต้องการให้ระบบจดจำได้เช่นเดียวกัน


Screenshot_2012-05-20-20-22-30-horz.jpg 

สำหรับ galaxy S 3 เราสามารถตั้งการสั่นของแต่ละสายที่โทรเข้ามาเป็นจังหวะที่แตกต่างกันได้ด้วย
แน่นอนหากตั้งเป็นเสียงเพลงที่แตกต่างกันมันปกติจะตายไป


การใช้งานให้เข้าไปยังเมนู Contact เลือกรายชื่อของเพื่อนหรือสาวๆหรือของคนสำคัญที่เราต้องการ
จากนั้นเลื่อนลงมาด้านล่างยังช่องคำสั่งที่มีชื่อว่า Vibration pattern


ตอนนี้เราก้สามารถเลือการสั่นเป็นจังหวะต่างๆที่แตกต่างกันออกไปได้แล้ว แนนอนถึงแม้ไม่หยิบขึ้นมา
ดูเราก้รู้ว่าใครโทรมา


สำหรับจังหวะที่น่าสนใจที่มีให้เลือกตอนนี้ก้คือ Heartbeat ที่สั่นเป็นจังหวะการเต้นของหัวใจ น่าจะเหมาะ
ตั้งเอาไว้กับเบอร์คนพิเศษนะครับหรือจะเป็น Jinglebell เป็นจังหวะสนุกสนานที่เอาไว้บอกว่าเพื่อนก้วนสนิท
โทรเข้ามาก้ได้เช่นกัน


DSC_0522.jpg 

Smart Alert และ Direct Call เป็นจุดขายอีกอย่างนึงบน GalaxyS 3 หลักการทำงานของมันไม่มีอะไรมาก
ทีมงานเกาหลีบอกเราว่ามันคือการทำงานพื้นฐานที่ดี บางครั้งโทรศัพท์ก้ควรรู้ว่ามันสมควรบอกอะไรเรา...


ผมจะลองอธิบายการทำงานพื้นฐานที่ทดสอบการใช้งานโดยจะเริ่มจาก Smart Alert กันก่อน

Smart Alert : ถ้าเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายก้คือมันมีความฉลาดที่จะเตือนในสิ่งที่เราสมควรจะได้รู้ การใช้งาน
เราต้องไปเปิดการใช้งานใน Option ก่อนและเลิกเปิดการทำงานในโหมด Motion


การเตือนนี้จะหมายถึงแค่ในส่วนที่เกียวกับโทรศัพท์เท่านั้น สายไม่ได้รับ , SMS , MMS

ผมทดสอบด้วยการส่ง Sms รวมถึงการโทรเพื่อให้เกิด Misscall หลังจากเรากลับมาสัมผัสเครื่อง มันจะมี
สั่นบอกเราเล็กๆเพื่อเตือนให้รู้ว่ามีข้อความหรือเบอร์ที่ไม่ได้รับสาย


ถึงแม้ว่ามันสั่นเตือนและเรากดเข้าไปใช้งานโทรศัพท์แล้ว และบังเอิญลืมที่จะกดดู(ข้อความหรือ Miss Call)
 หลังจากเรามาหยิบโทรศัพท์อีกครั้งมันก้จะยังคงเตือนเราอยู่นะครับ แล้วมันมีไม่เตือนมั้ย นั่นสิ ..
ผมจะสรุปเป็นข้อๆก้แล้วกันนะครับ


1.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert) หากเราเปิดเข้าไปอ่านก้จะไม่เตือนอีก
2.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert)  หากเราแค่หยิบแล้ววางลงโดยไม่ได้เปิดหน้าจอ
เครื่องเลย ครั้งต่อไปถึงแม้ไปจับอีกก้จะไม่เตือนแล้วเหมือนเรารับรู้แล้วแต่ตัดสินใจยกเลิกการสนใจ

3.หยิบ Galaxy S 3 ขึ้นมา จะมีการสั่นเตือน (Smart Alert) หากเราเปิดล้อคหน้าจอเข้าไปใช้งานโทรศัพท์
แต่ยังไม่ได้เปิดหรือลืมเปิดนัดหมายหรือการแจ้งเตือนที่ไม่ได้รับ หลังจากวางเครื่องทิ้งเอาไว้ และเรามา
จับมันใหม่ มันก้จะทำการเตือนอีกครั้ง(จะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ) อาจจะคิดว่าเราลืมเพราะเปิดเข้าไปดูแล้ว
แต่ลืมเช็คข้อความหรือสายที่ไม่ได้รับ


Direct Call ก้ทำงานได้ดีเช่นกันแค่เราต้องการโทรออกเพียงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูมันก้จะโทรออกให้
ทันที ฟังกชั่นนี้ทำงานได้ในส่วนของ SMS , MMS และ Call เวลาเราต้องการโทรกลับนั่นเอง เรียกได้ว่า
ตอบโจทย์การใช้งานพื้นฐานได้ดี


Screenshot_2012-05-20-12-12-43-horz.jpg 

เราสามารถเข้ามาเลือกการใช้งาน Motion ต่างๆได้ในเมน Setting ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดการใช้
งานแบบไหน การทำงานตรงนี้จะถูกปิดการใช้งานนะครับ ดังนั้นเวลาซื้อเครื่องมาใหม่ๆต้องมาเปิดก่อน


Smart Stay : ระบบตรวจสอบการใช้งานถึงแม้เราจะตั้งเวลาปิดหน้าจอเอาไว้ที่ 10 วิ แต่ถ้า Galaxy S 3
ยังจับได้ว่าเรามีการใช้งานอยู่มันก้จะปล่อยให้เราใช้งานต่อไปเรื่อยๆ ทุกๆครั้งที่มีการเช็คการใช้งานจะมี
ไอค่อนรูปดวงตาขึ้นมา แน่นอนถ้าจับได้ว่าเราไม่ได้สนใจหรือเลิกใช้งานมันก้จะปิดหน้าจอตัวเองทันที


การใช้งานตรงนี้คงจะเหมาะกับการอ่าน PDF หรือ Ebook เพราะเราจะไม่ต้องมากดเช็คหน้าจออยู่เสมอ
หรือแม้กระทั่งมาปรับการตั้งค่าพักหน้าจอให้นานมากขึ้น เป็นการเพิ่มเติมลูกเล่นเล็กๆแต่ก้น่าสนใจ


ปล.อาจจะเป็นเพราะ FW. ยังไม่ใช่ตัวเต็ม ดูเหมือนในที่ๆแสงน้อยบางครั้งก้มีการทำงานทีผิดพลาดไปบ้าง 

ผลการทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่อง

1.jpg3.jpg2.jpg 

Galaxy S 3 รองรับมัลติทัชที่ 10 จุด การเทสผลทดสอบความแรงต้องบอกว่าได้คะแนนดีมาก
(บางเว็บทดสอบได้ 5xxx) การใช้งานซีพียูที่เป็น Quard Core ทำให้การเล่นเกมไม่มีปัญหา ถึงแม้เราจะดู
หนัง ไปพร้อมๆกับการ Chat กับเพื่อนๆด้วยความสามารถ Popup Play ก้ทำได้ดีเช่นกัน


สรุปการใช้งาน

เรื่องความแรงคงไม่ต้องพูดถึง และเมื่อบวกกับความสามารถใหม่ๆที่ใส่ลงไปแล้ว ทำให้ Galaxy S 3
น่าสนใจมากๆ ตัวเครื่องยังคงใช้วัสดุที่เป็นพลาสติกเช่นเดิมแต่ความสวยงามของตัวเครื่องก้ช่วยให้มัน
ดูดีมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ทุกอย่าง


สำหรับการออกแบบตัวเครื่องอาจจะแล้วแต่คนชอบ ซึ่งในเรื่องวัสดุก้เช่นกัน แต่ถ้ากำลังสนใจมือถือใน
ยุคที่เป็นของ Quard Core ผมมองว่า Galaxy S 3 ก้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งาน
ได้ดีแน่นอน

เครดิต: http://www.thaiandroidphone.com
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...